วันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

นางเงือก

เงือก เป็นอมนุษย์ชนิดหนึ่งตามความเชื่อนิยายปรัมปราเกี่ยวกับน้ำ โดยเป็นจินตนาการเกี่ยวกับสัตว์น้ำ โดยมากจะเล่ากันว่าเงือกนั้นเป็นสัตว์ครึ่งมนุษย์ มีส่วนครึ่งท่อนบนเป็นคน ส่วนครึ่งท่อนล่างเป็นปลา ในหลายประเทศทั่วโลก มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานเงือกมากมาย
โดยเชื่อว่า แท้จริงแล้วสัตว์ที่มนุษย์เห็นเป็นเงือก คือ พะยูน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลขนาดใหญ่ ที่เมื่อให้นมลูกแล้วจะลอยตัวกลางน้ำเหมือนผู้หญิงให้นมลูก [1]

ในประเทศไทย[แก้]

เงือกในประเทศไทย ถูกกล่าวขานมาตั้งแต่สมัยอดีต ผ่านเรื่องราวต่างๆ มากมาย แต่เป็นเงือกที่ได้รับความนิยม และกล่าวขวัญกันมากที่สุดก็คือ เงือกในวรรณคดีของ สุนทรภู่เรื่อง พระอภัยมณี ที่นางเงือก (เงือกสาว) และเงือกตายาย ช่วยพาพระอภัยมณีหนีจากผีเสื้อสมุทรได้จนสำเร็จ และนางเงือกได้เป็นชายาของพระอภัยมณี จนมีโอรสด้วยกันหนึ่งองค์ ชื่อว่า สุดสาคร
ในภาษาไทยโบราณ รวมทั้งในวรรณคดีสมัยอยุธยา ถึงรัตนโกสินทร์ มีคำว่า เงือก มาแล้ว แต่มีความหมายแตกต่างกันไป พอจะสรุปได้ดังนี้
  • งู : คำว่าเงือกในภาษาไทยโบราณ และภาษาตระกูลไตบางถิ่นนั้น มักจะหมายถึง งู ดังปรากฏในลิลิตโองการแช่งน้ำ ที่ว่า "ท้าวเสด็จเหนือวัวเผือก เอาเงือกเกี้ยวข้าง อ้างทัดจันทร์เป็นปิ่น" นั่นคือ เอางูมาพันรอบกาย, "เสียงเงือกงูว้าง ขึ้นลง" หมายถึง เสียงงู เหล่านี้เป็นภาษาเก่าที่ไม่ปรากฏแล้วในปัจจุบัน [2]
  • สัตว์ร้าย จำพวกผี หรือปิศาจ : ปรากฏในลิลิตพระลอ วรรณกรรมสมัยอยุธยาเช่นกัน
  • สัตว์ครึ่งคนครึ่งปลา : เชื่อกันว่าเงือกในลักษณะนี้ปรากฏครั้งแรกในวรรณคดีพระอภัยมณีดังกล่าวมาข้างต้น แต่อาจมีค้นเค้าจากเรื่องอื่นก็เป็นได้ [2]
  • มังกร คนไทบ้างกลุ่มในประเทศจีนและเวียดนาม จะเรียกมังกรว่า "เงือก" เช่น ไทปายี ไทเมือง และกะเบียว ในเวียดนาม

ลักษณะของเงือกที่พบในไทยตามเรื่องเล่าพื้นบ้าน[แก้]

  • มีใบหน้าเล็กขนาดเท่างบน้ำอ้อย
  • มีหวีและกระจก มักจะปรากฏกายขึ้นเหนือน้ำในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงเพื่อนั่งสางผม ถ้ามีใครผ่านมาเห็นจะตกใจหนีลงน้ำโดยทิ้งเอาไว้ ถ้ามีผู้ได้ครอบครองสามารถที่จะเข้าฝันทวงคืนได้
  • มีเสียงไพเราะทำให้เดินตกน้ำได้ [3]

ในยุโรป[แก้]

ในประเทศยุโรปตอนเหนือ มีตำนานเกี่ยวกับเงือกด้วยเช่นกัน (อังกฤษMermaid (นางเงือก)/Merman (นายเงือก)) เงือกของยุโรปมีความน่ากลัว เป็นปิศาจลักษณะเดียวกับนิมฟ์จำพวกไซเรนไนแอด หรือลิมนาเดส ที่จะล่อลวงเหยื่อ โดยเฉพาะชายหนุ่มให้ลงไปในน้ำแล้วสังหารทิ้ง ซึ่งเสียงของเงือกมีพลังดึงดูด สามารถชักพาให้ผู้ที่ได้ยินเสียงคล้อยตามได้ การที่เรือเดินทะเลต้องชนกับหินโสโครก และอับปปางลงลำแล้วลำเล่านั้น เป็นเพราะว่าถูกชักจูงให้เดินทางไปตามเสียงเพลงของเงือกนั่นเองคือเพลงเพราะมากจนอยากฟัง[3]
เรื่องของเงือกที่มีชื่อเสียงที่สุดของยุโรป ปรากฏในนิทานพื้นบ้านของเยอรมนี มีหญิงสาวสวยคนหนึ่งชื่อ "ลอเรไร" (เยอรมันLoreley;อังกฤษLorelei) อาศัยอยู่กับพ่อริมแม่น้ำไรน์ เมื่อเสียชีวิตเธอได้กลายเป็นปิศาจที่ล่อลวงเรือให้อับปาง ซึ่งได้ปรากฏกลายเป็นความเชื่อมาจนปัจจุบัน มีการสร้างประติมากรรมรูปลอเรไรขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำไรน์ และเป็นชื่อหน้าผาริมฝั่งแม่น้ำที่เมืองแซงต์กูร์อาเชาเซน ซึ่งเป็นช่วงกลางของแม่น้ำ เล่ากันว่าในวันที่มีหมอกลงจัด จะเห็นลอเรไรยืนอยู่ริมหน้าผา[4][5]
ที่อังกฤษ, สกอตแลนด์ รวมถึงไอร์แลนด์ก็มีความเชื่อทำนองนี้ โดยเรียกว่า "เซลกี" (Selkie) แปลว่า "ผู้หญิงแมวน้ำ" [4][6]
โดยคาร์ล ยุง นักจิตวิทยาชื่อดังอธิบายว่า ความเชื่อเรื่องเงือกเป็นจินตนาการเรื่องทางเพศของชาวเรือ ซึ่งเป็นชายหนุ่มที่ออกทะเลเป็นเวลานาน [4]

ในประเทศญี่ปุ่น[แก้]

ในประเทศญี่ปุ่น มีความเชื่อเกี่ยวกับเงือกมากมายเช่นเดียวกัน โดยเงือกเป็นโยไกหรือปิศาจจำพวกพรายน้ำอย่างหนึ่งตามความเชื่อของศาสนาชินโต ศาสนาพื้นเมืองของญี่ปุ่น เงือกในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "นิงเงียว" (人魚, Nin-gyo) ความเชื่อหลักเกี่ยวกับการกินเนื้อเงือก คือ เมื่อในอดีต มีหญิงสาวคนหนึ่งได้ช่วยนางเงือกเอาไว้ที่ชายหาด นางเงือกซาบซึ้งบุญคุณของหญิงคนนั้น จึงให้กินเนื้อเงือกเป็นการตอบแทน แต่ทว่า อาถรรพณ์ของเนื้อเงือก จะทำให้ผู้ที่กินเข้าไปไม่แก่ไม่ตาย หญิงสาวผู้นั้นมีชีวิตอยู่อย่างไม่มีวันแก่ตาย ได้เห็นผู้คนรอบข้างตายไปทีละคนจนทนไม่ได้ จึงบวชเป็นชีชื่อ แม่ชีเบคุนิ
ปัจจุบัน ในประเทศญี่ปุ่น ตามวัดต่าง ๆ มักจะมีซากเงือกตั้งแสดงอยู่ เป็นของประหลาดและเป็นที่ตื่นตาสำหรับผู้ที่ได้พบเห็น แต่ทว่าซากของเงือกหรือสัตว์ประหลาดต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นของปลอมที่ทำขึ้น โดยการนำเอาอวัยวะของสัตว์ชนิดต่าง ๆ มาปะผสมรวมกัน[7]
เงือกยักษ์ ใน Jason and the Argonauts (1963)

ในวัฒนธรรมร่วมสมัย[แก้]

จากนิทานและเรื่องเล่าเกี่ยวกับเงือกมากมายในอดีต ทำให้ในวัฒนธรรมร่วมสมัยมีการกล่าวถึงเงือกไว้ต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน อาทิ ในภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องJason and the Argonauts ในปี ค.ศ. 1963 ซึ่งสร้างมาจากเทพปกรณัมกรีกเรื่องเจสัน เมื่อเรืออาร์โกของเจสันกำลังผ่านช่องเขา และช่องเขากำลังถล่ม ก็ปรากฏมีเทพเจ้าโพไซดอน ผู้เป็นใหญ่แห่งมหาสมุทรทั้งปวง (โดยปรากฏเป็นชายร่างยักษ์ที่มีหางเป็นปลา โผล่ขึ้นมาช่วยดันภูเขาให้เรือผ่านไปได้ในที่สุด[8]
และในภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง The Little Mermaid ของวอลด์ ดีสนีย์ ในปีค.ศ. 1989 ที่ดัดแปลงมาจากนิทานชื่อเดียวกันนี้ของ ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน เมื่อออกฉาย ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีจนมีการสร้างภาคต่อตามมาอีกหลายภาคและสร้างเป็นซีรีส์ [9]
ในปี ค.ศ. 2012 แอนนิมอลแพลนเน็ต ซึ่งเป็นช่องรายการโทรทัศน์สารคดีชีวิตสัตว์โลกในเครือของช่องดิสคัฟเวอรี ได้เผยแพร่สารคดีชุด Mermaids: The Body Found เป็นที่ฮือฮาและประสบความสำเร็จอย่างมาก[10] จนเป็นที่กล่าวขานกันว่าเงือกมีจริงหรือไม่ ก่อนที่ผู้ผลิตจะยอมรับในเวลาต่อมาว่าเป็นเรื่องแต่ง[11][12] และได้ผลิตชุดที่สอง คือ Mermaids: The New Evidence ออกมาในปีต่อมา

ดูเพิ่ม[แก้]


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ นางเงือก

วันจันทร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ข้าวแกงกระหรี่หมูทอด






















1. ข้าวหน้าแกงกะหรี่หมูทอด

          ขอแนะนำเมนูอาหารญี่ปุ่นโฮมเมดสูตรแรกเอาใจคนชอบเครื่องเทศหอม ๆ ด้วยข้าวแกงกะหรี่หมูทอดสูตรจากคุณ BlackPiano สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เหมาะสำหรับเป็นจานเด็ดในร้านคาเฟ่ญี่ปุ่นเชียวค่ะ สูตรนี้ไม่ธรรมดาใส่มะม่วงสุกลงไปเคี่ยวกับแกงกะหรี่ด้วยนะคะคุณขา เท่านั้นยังไม่พอเพิ่มออปชั่นเสริมคือชีสด้วยนะ เวลากินก็เอาแกงกะหรี่มาคลุกทั้งข้าวและหมูทอดให้ทั่ว รสชาติจะเป็นอย่างไรต้องพิสูจน์กันแล้วค่ะ 

ส่วนผสม ข้าวแกงกะหรี่หมูทอด

      ◆ แครอท (หั่นเต๋า) 1 หัว
      ◆ หอมใหญ่ (หั่นเต๋า) 1 ลูก
      ◆ มันฝรั่ง (หั่นเต๋า) 1 หัว
      ◆ น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
      ◆ เนื้อหมูสับ
      ◆ พริกไทยป่น
      ◆ น้ำซุป
      ◆ เครื่องแกงกะหรี่ 3 ก้อน
      ◆ เนื้อมะม่วงสุก 1 ลูก
      ◆ น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
      ◆ เนยสด
      ◆ เนื้อหมู
      ◆ เกล็ดขนมปัง
      ◆ ข้าวสวย
      ◆ ท็อปปิ้งชีส (Cheese Squeeze) สำหรับแต่งหน้า

วิธีทำข้าวแกงกะหรี่หมูทอด

          1. หั่นแครอท หอมใหญ่ และมันฝรั่งเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก ๆ
          2. ผัดแครอท หอมใหญ่ และมันฝรั่งกับน้ำมันพืชพอนิ่ม จากนั้นใส่หมูสับและพริกไทย ลงไปผัดจนสุก เติมน้ำซุปลงไปพอท่วมส่วนผสม 
          3. ละลายแกงกะหรี่ก้อนกับน้ำร้อนแล้วเทลงไปในหม้อ คนผสมให้เข้ากัน ต้มจนเดือด
          4. ปั่นมะม่วงสุกกับน้ำผึ้งจนเป็นเนื้อเดียวกัน เทส่วนผสมลงในน้ำแกงกะหรี่ สุดท้ายใส่เนยสดลงไปต้มจนเดือด ปิดไฟ พักไว้จนอุ่น
          5. พอส่วนผสมอุ่นแล้วนำไปปั่นจนเป็นซอสเนื้อเนียน ๆ เตรียมไว้
          6. นำเนื้อหมูไปชุบเกล็ดขนมปังให้ทั่ว ใส่ลงในกระทะทอดจนกรอบ
          7. ตักข้าวใส่จาน วางหมูทอดลงไป ราดด้วยน้ำแกงกะหรี่ สุดท้ายบีบท็อปปิ้งชีสลงไปบนหมูทอด พร้อมเสิร์ฟ

      ◆ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ข้าวแกงกะหรี่หมูทอดราดชีส เมนูอร่อยหลายต่อ พร้อมเคล็ดลับเด็ด

วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2560







1.ทรงสร้างฐานข้อมูลของพื้นที่

            การเสด็จฯทั่วประเทศไทย นับตั้งแต่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จนิวัตประเทศไทยพร้อมกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระบรมเชษฐาธิราช รัชกาลที่ 8 ในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.2489 ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จที่ทุ่งนาบางเขน ที่วัดพระศรีมหาธาตุ ทั้งสองพระองค์สนพระทัยอาชีพของชาวนามาตั้งแต่ครั้งนั้นที่เห็นชาวนาทำนา ปลูกข้าว เกี่ยวข้าว และพระองค์ยังทรงหว่านข้าว
            ต่อมาในวันที่ 9 มิถุนายน 2489 ซึ่งรัฐบาลได้กราบบังคมทูลอัญเชิญสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุยเดชเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อพระชนมายุ 19 ชันษา และหลังจากนั้นทรงกลับไปเปลี่ยนแนวทางศึกษาหลังจากที่ได้ตัดสินพระราชหฤทัยที่เสด็จขึ้น